ผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลลานนา โรงพยาบาลลานนา 2 และโรงพยาบาลลานนา 3 เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของพนักงาน และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าพนักงาน ได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ตลอดจนสิทธิต่างๆของพนักงาน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนตัว ดังรายละเอียดต่อไปนี้
นิยาม
บริษัทฯ หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
พนักงาน หมายความรวมถึง กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน บุคลากรภายในอื่นๆ และลูกจ้างที่อยู่ภายใต้สัญญาจ้าง
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของนิติบุคคล และผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ แต่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้ เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามประกาศฉบับนี้หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯจะเก็บรักษา ใช้งานข้อมูล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานด้วยวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของพนักงานก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งพนักงานเป็นคู่สัญญากับเรา เช่น จัดทำสัญญาจ้างงาน ข้อตกลง การปฏิบัติตามสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการบริหารงานบุคคลของบริษัทฯ การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน การโยกย้ายพนักงาน การส่งพนักงานไปปฏิบัติงานในองค์กรอื่น (Secondment) การฝึกอบรม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพิจารณาตำแหน่งงานและค่าตอบแทน การบริหารและการดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
2. เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายควบคุมการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม กฎหมายควบคุมโรคติดต่อ
3. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ การศึกษาวิเคราะห์และจัดสรรกำลังคน การพัฒนาพนักงาน การจัดสวัสดิการรักษาพยาบาลและสวัสดิการอื่น ๆ ของพนักงาน การดำเนินการเรื่องกิจกรรมพนักงาน การบริหารด้านการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การติดต่อกับบุคคลภายนอก การดำเนินการต่าง ๆ ทางทะเบียน การมอบอำนาจ การจัดทำหนังสือรับรอง การจัดทำเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณะ การจัดทำรายงาน การส่งข้อมูลให้หน่วยงานราชการ/หน่วยงานกำกับดูแล การยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับจากพนักงาน การวิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงาน การติดต่อ ส่งข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การสร้างบัญชีผู้ใช้งาน การระบุตัวตนเพื่อเข้าใช้ระบบงาน และการเข้าถึงระบบสารสนเทศ การรักษาความปลอดภัย การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม การตรวจสอบและจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและการทุจริต คดีหรือข้อพิพาทต่าง ๆ การดูแลพนักงานหลังพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
4. เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
5. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
6. เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่พนักงานได้ให้ไว้ในแต่ละคราว
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม และใช้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเอกสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลอื่นใดที่สามารถระบุตัวตนของพนักงานได้ ได้แก่
1. ข้อมูลระบุตัวบุคคล ได้แก่ ชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวหนังสือเดินทาง (กรณีชาวต่างชาติ) เพศ สัญชาติใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ใบสำคัญการสมรส และทะเบียนบ้าน
2. ข้อมูลญาติ ได้แก่
ก. บิดามารดา เกี่ยวกับ ชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล และทะเบียนบ้าน
ข. คู่สมรส เกี่ยวกับ ชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ทะเบียนบ้าน และใบสำคัญการสมรส
ค. บุตร เกี่ยวกับ ชื่อ-สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชนสูติบัตร และทะเบียนบ้าน
ทั้งนี้ พนักงานต้องรับรองการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล (ก) - (ค) ว่าได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
3. ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล
4. ข้อมูลคุณสมบัติ ได้แก่ วุฒิการศึกษา ประวัติการเข้ารับการฝึกอบรม ประวัติประสบการณ์การทำงาน ใบรับรองการทำงาน, ใบรับรองเงินเดือน ใบประกอบวิชาชีพ และการเกณฑ์ทหาร (ถ้ามี)
5. ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้าง ได้แก่ ระยะเวลาการทำงาน เงินเดือน ผลประเมินการทดลองงาน ผลประเมินการทำงาน เลขที่บัญชีธนาคารที่ใช้สำหรับรับเงินเดือน และสัญญาค้ำประกัน (ถ้ามี)
6. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น บันทึกการเข้าออกงานและระยะเวลาการปฏิบัติงาน การทำงานล่วงเวลา การขาดและลางานข้อมูลที่เกี่ยวกับการร้องเรียน การร้องทุกข์ Whistleblowing การสอบสวน การลงโทษทางวินัย เป็นต้น
7. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพประจำปี รูปถ่ายใบหน้าพนักงานและลายนิ้วมือสำหรับการสแกนเข้า-ออกในการทำงาน
8. ข้อมูลการใช้งานและการเข้าถึงระบบสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ ระบบงาน เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ระบบโครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอีเมล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
9. ข้อมูลอื่นๆเช่น ข้อมูลที่รวบรวมจากการเข้าร่วมกิจกรรม การตอบแบบสำรวจ การตอบแบบประเมินของบริษัทฯ เป็นต้น
การให้ความยินยอมของพนักงาน
บริษัทฯ ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน และการขอความยินยอมเป็นข้อความที่เข้าใจได้ง่าย อ่านง่าย และไม่เข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ดังกล่าว พนักงานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมาย ทั้งนี้ การถอนความยินยอมไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
บริษัทฯจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ยกเว้นกรณีข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่พนักงานได้รับแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ และได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนหรือในขณะนั้น เป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวนั้น จะเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่ให้อำนาจบริษัทฯ กระทำได้โดยชอบ
การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้เท่านั้น ยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่กฎหมายให้อำนาจกระทำได้โดยชอบ
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯกำหนดมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน บริษัทฯสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ มีการจำกัดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานตามความจำเป็นโดยพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ทุกระดับต้องปฏิบัติตามแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานจะถูกเก็บรักษาและประมวลผลตลอดระยะเวลาที่มีสภาพเป็นพนักงาน และเก็บต่อเนื่องอีกเป็นระยะเวลา 2 ปีภายหลังจากการลาออกหรือสิ้นสภาพความเป็นพนักงาน หรือเก็บเพิ่มตลอดอายุความของคดีสำหรับพนักงานที่สิ้นสภาพความเป็นพนักงานเพราะทุจริต/ถูกดำเนินคดี/เกี่ยวข้องกับข้อมูลการเงิน
บริษัทฯจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
สิทธิของพนักงานที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเสียเมื่อใดก็ได้
2. สิทธิในการขอเข้าถึง และเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่พนักงานไม่ได้ให้ความยินยอม
2. สิทธิในการขอเข้าถึง และเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่พนักงานไม่ได้ให้ความยินยอม
3. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับพนักงานเสียเมื่อใดก็ได้
4. สิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
5. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
6. สิทธิร้องขอแก้ไขข้อมูลนั้น ให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
8. สิทธิที่จะร้องเรียนในกรณีมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ พนักงานสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทฯ เป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบฟอร์มที่กำหนดให้ ผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ” ด้านล่าง โดยบริษัทฯจะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาคำร้องฯ ของพนักงานภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯอาจปฏิเสธสิทธิของพนักงานได้ หากมีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้โดยชอบ หรือละเมิดสัญญากับบริษัทฯ
ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ
แผนกบุคคล-ธุรการ โรงพยาบาลลานนา เลขที่ 1 ถนนสุขเกษม ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300
เบอร์โทรศัพท์ 052 134 777 ต่อ 3315-3318
เบอร์โทรสาร 052 134 789
อีเมล hrlanna@hotmail.com
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย
บริษัทฯ อาจปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวของพนักงานตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้าง หรือการให้การคุ้มครองแรงงาน หรือสวัสดิการต่างๆ แก่พนักงาน ทั้งนี้บริษัทฯจะแจ้งให้พนักงานทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวผ่านทางระบบอินทราเน็ตของบริษัทฯ และพนักงานยังสามารถดูนโยบายฉบับที่ถูกปรับปรุงล่าสุดได้ที่ URL นี้โดยนโยบายที่ปรับปรุงนั้นถือว่ามีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อประกาศ
นโยบายความเป็นส่วนตัวของพนักงานฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) สำหรับผู้สมัครเข้าเป็นพนักงาน ผู้สมัครเพื่อฝึกงาน และผู้ฝึกงาน
บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลลานนา โรงพยาบาลลานนา 2 และโรงพยาบาลลานนา 3 เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครเข้าเป็นพนักงาน ผู้สมัครเพื่อฝึกงาน และผู้ฝึกงาน (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบ และทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้
นิยาม
บริษัทฯ หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
ผู้สมัครเข้าเป็นพนักงาน หมายถึง ผู้สมัครที่ประสงค์จะเป็นพนักงานของบริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
ผู้สมัครเพื่อฝึกงาน หมายถึง ผู้สมัครที่ประสงค์จะเข้าฝึกปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวที่บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ฝึกงาน หมายถึง ผู้ที่กำลังอยู่ระหว่างการฝึกปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในบริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของนิติบุคคล และผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ แต่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้ เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ
ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในที่นี้หมายถึง บริษัท เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
วิธีการได้รับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก
1. ผู้สมัครหรือผู้ฝึกงานโดยตรง ตามข้อมูลในใบสมัคร ประวัติย่อ (Resume) การสนทนา หรือการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าว อาจรวมถึงข้อมูลทั่วไป ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลคุณสมบัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประสบการณ์การฝึกอบรม หรือทักษะอื่นๆ
2. บุคคลอ้างอิงที่ผู้สมัคร หรือผู้ฝึกงานระบุไว้ให้สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่านได้
3. ข้อมูลที่ได้จากตรวจสุขภาพผู้สมัคร ซึ่งได้แสดงเจตนายินยอมโดยชัดแจ้ง ให้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยแล้ว
4. ข้อมูลด้านทักษะและพฤติกรรม ที่ได้จากการสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัทฯในระหว่างที่ท่านฝึกงานอยู่
วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯจะเก็บรวบรวม ใช้ และอาจรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครงานกับบริษัทฯ เช่น การดำเนินการตามกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกก่อนการทำสัญญาจ้างเป็นพนักงาน รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงการเข้าฝึกงาน การจ่ายค่าตอบแทนการฝึกงาน การได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการฝึกงาน
2. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือของบุคคลอื่น เช่น วิเคราะห์และจัดทำฐานข้อมูล การบริหารจัดการและปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน การประเมินผลการฝึกงาน การส่งข่าวสารที่เกี่ยวกับตำแหน่งงาน การจัดทำสัญญาฝึกงานหรือสัญญาจ้างงานในกรณีที่ท่านผ่านการคัดเลือก การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
3. เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
4. เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
5. เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของเรา หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัทฯ
6. เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ เช่น การยินยอมให้ส่งข้อมูลการสมัครเข้าทำงานหรือการสมัครเข้าฝึกงานของท่านแก่บริษัทฯในเครือ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
1. ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ในใบสมัคร ดังนี้
- ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่เรา เช่น Resume Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงานใบสมัครงาน ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน
- ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด น้ำหนัก ส่วนสูง เลขที่บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง หมู่เลือด สัญชาติ ศาสนา สถานะการสมรส
- ข้อมูลในการติดต่อกับท่าน เช่น ที่อยู่ ที่อยู่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail address) หมายเลขโทรศัพท์
- ข้อมูลของคู่สมรส บุตร บิดา มารดา เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด สัญชาติ หมู่โลหิต การศึกษา ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์
- ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของท่าน
- รูปถ่าย
- ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ และการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ ของท่าน เช่น ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบัน/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการทดสอบ สิทธิในการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่น ๆ ข้อมูลจากการอ้างอิงที่ท่านได้ให้แก่เรา
- ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานและข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในอดีต เช่น ตำแหน่งงาน รายละเอียดของนายจ้าง เงินเดือนและค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ
- ข้อมูลเกี่ยวกับภาระทางทหาร
- ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ สำหรับบางตำแหน่งงาน
- รายละเอียดของบุคคลที่อ้างถึง และรายละเอียดของผู้ที่เราสามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
2. ข้อมูลจากการทดสอบข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของท่าน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนะคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ของเราในระหว่างที่ท่านเข้าร่วมฝึกงานกับบริษัทฯ
3. ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการรายงานหน่วยงานที่กำกับดูแล เช่น กระทรวงแรงงาน
4. เอกสารที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่าน เช่น สำเนาเอกสารที่หน่วยงานขอรัฐออกให้ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับรถ หนังสือเดินทาง และสำเนาเอกสารที่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนออกให้ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน ประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร ใบแสดงผลการเรียน
5. ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการสรรหาและคัดเลือกพนักงานหรือนักศึกษาฝึกงาน การปฏิบัติตามสัญญาการฝึกงาน การดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานของเราและการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ
6. สำหรับผู้ฝึกงาน มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เช่น
1) ข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่
2) บัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงฝึกงาน
3) ลักษณะของผู้ฝึกงานและข้อมูลจากการฝึกงาน เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ ความมีวินัย หรือลักษณะอื่น ๆ รวมถึง การบันทึกเวลาเข้าออกงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน เพื่อประเมินผลการฝึกงาน
4) ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รายละเอียดของผู้แนะนำ
7. กรณีที่ท่านได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงาน เราจะมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มตามที่กำหนดไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน
ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ
เราอาจต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ตาบอดสี ผลการตรวจร่างกาย ข้อมูลการแพ้อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา หมู่โลหิต ใบรับรองแพทย์ ประวัติการรักษาพยาบาล เพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประเมินความสามารถในการทำงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2. ข้อมูลชีวภาพ (biometric data) เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เพื่อใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของท่าน การป้องกันอาชญากรรม และการรักษาประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือของบุคคลอื่น
3. ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา เชื้อชาติ สัญชาติ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เพื่อประกอบการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงาน รวมถึงเพื่อใช้ในการบริหารจัดการด้านการดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน
4. ข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลในกรณีที่ท่านไม่สามารถให้ความยินยอมได้ เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของท่าน เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม และสวัสดิการของพนักงาน
ในกรณีที่จำเป็น เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ เราจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน
การให้ความยินยอมของผู้สมัครและผู้ฝึกงาน
บริษัทฯต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และมีการขอความยินยอมจากท่านเป็นข้อความที่เข้าใจได้ง่าย อ่านง่าย และไม่เข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ดังกล่าว ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมาย ทั้งนี้ การถอนความยินยอมไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
บริษัทฯจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ยกเว้นกรณีข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่ท่านได้รับแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ และได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งก่อนหรือในขณะนั้น เป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวนั้น จะเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่ให้อำนาจโรงพยาบาลกระทำได้โดยชอบ
ในกรณีที่จำเป็น เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ เราจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน
การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้เท่านั้นยกเว้นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่กฎหมายให้อำนาจกระทำได้โดยชอบ
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯกำหนดมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน บริษัทฯสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯมีการจำกัดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานตามความจำเป็น โดยพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ทุกระดับต้องปฏิบัติตามแนวทางการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่โรงพยาบาลกำหนดไว้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครและผู้ฝึกงานจะถูกเก็บรักษาและประมวลผลเป็นเวลา 1 ปีนับตั้งแต่โรงพยาบาลได้รับใบสมัครหรือเมื่อการฝึกงานสิ้นสุดลง ในกรณีที่ผู้ฝึกงานถูกดำเนินคดีเนื่องจากทุจริตขณะกำลังฝึกงานอยู่โรงพยาบาลอาจจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไปจนสิ้นสุดอายุความของคดีนั้น
บริษัทฯจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเสียเมื่อใดก็ได้
2. สิทธิในการขอเข้าถึง และเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่พนักงานไม่ได้ให้ความยินยอม
3. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับพนักงานเสียเมื่อใดก็ได้
4. สิทธิขอให้โรงพยาบาลลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
5. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
6. สิทธิร้องขอแก้ไขข้อมูลนั้น ให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
8. สิทธิที่จะร้องเรียนในกรณีมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทฯเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบฟอร์มที่กำหนดให้ ผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ” ด้านล่าง โดยบริษัทฯจะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาคำร้องฯ ของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ซึ่งบริษัทฯอาจปฏิเสธสิทธิของท่านได้ หากมีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้โดยชอบ ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ
แผนกบุคคล-ธุรการ โรงพยาบาลลานนา เลขที่ 1 ถนนสุขเกษม ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300
เบอร์โทรศัพท์ 052 134 777 ต่อ 3315-3318
เบอร์โทรสาร 052 134 789
อีเมล hrlanna@hotmail.com
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย
บริษัทฯ อาจปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครเข้าเป็นพนักงานผู้สมัครเพื่อฝึกงาน และผู้ฝึกงานตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯจะแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวผ่านทาง URL นี้โดยนโยบายที่ปรับปรุงแล้วนั้นถือว่ามีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อประกาศ
นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครเข้าเป็นพนักงานผู้สมัครเพื่อฝึกงาน และผู้ฝึกงานฉบับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
|